เนินเอ-๑เป็นเนินสูงจากผิวถนน ๓๒ เมตร มีพื้นที่ ๘๒,๐๐๐ ตารางเมตรและอยู่ห่างจากฐานที่มั่นของกองทัพฝรั่งเศส ในเดียน เบียน ฟูไปทางทิศตะวันตก ๕๐๐ เมตร สถานที่แห่งนี้ถือเป็นเป้าหมายยุทธศาสตร์ที่มีการสู้รบอย่างดุเดือดระหว่างกองทัพเวียดนามกับกองทัพฝรั่งเศสในยุทธนาการเดียเบียนฟูเพื่อช่วงชิงที่มั่นนี้ให้ได้ เนินเอ-๑กับเนินอีกหลายแห่งที่อยู่ทางทิศตะวันออกของเดียน เบียน ฟูได้แก่ เนินซี-๑ เนินดี-๒ เนินอี-๑และเนินอี-๒ได้กลายเป็นกำแพงที่แข็งแกร่งล้อมรอบปกป้องฐานที่มั่นที่เป็นศูนย์บัญชาการที่มีอุโมงเดอกัสตรีส์ จากยอดเนินเอ-๑ สามารถมองเห็นบริเวณใจกลางเมืองเดียนเบียน ฟู เช่น บริเวณที่ราบหรือแอ่งกระทะ เนินดี-๑ ซี-๑ ซี-๒ อี-๑ อี-๒ อุโมงของนายพลเดอ กัสตรีส์ สนามบินเมืองแถง ทุ่งนาเอ-๑ สุสานเอ-๑ที่ตั้งอยู่ที่เชิงเนิน กองทัพฝรั่งเศสถือเนินเอ-๑เป็นกำแพงเหล็กเพื่อปกป้องสำนักงานบัญชาการเดอ กัสตรีส์ ส่วนกองทัพเวียดนามภายใต้การบัญชาของพลเอก หวอ เงวียน ย้าป ก็เห็นว่า การบุกยึดที่มั่นแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งเห็นได้จากการที่ยุทธนาการเดียน เบียน ฟูดำเนินเป็นเวลา ๕๖ วัน๕๖คืน แต่การสู้รบที่เนินเอ-๑นั้นต้องใช้เวลาถึง ๓๙ วันและคร่าชีวิตทหารกว่า ๒,๐๐๐ นายกว่าจะสามารถยึดสถานที่แห่งนี้ได้สำเร็จ
ทุกวันนี้ บันไดขึ้นยอดเนินเอ-๑ถูกปูด้วยหิน การปีนขึ้นถึงยอดเนินเอ-๑ต้องผ่านป้อมค่ายต้นโพธิ์หรือป้อมมนุษย์และหลุมเพลาะเพื่อลำเลียงเสบียงอาหารและอาวุธยุทธปัจจัยให้แก่ที่มั่นเอ-๑ของกองทัพฝรั่งเศสซึ่งปัจจุบันยังคงหลงเหลือรั้วลวดหนามที่มีใบของต้นชกติดมากมาย ต้นชกเหล่านี้ถูกปลูกหลังจากที่เดียนเบียนฟู ได้รับชัยชนะเมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๑๙๕๔
บริเวณยอดเนินเอ-๑ยังคงมีร่องรอยของการสู้รบแห่งความเป็นความตายในอดีต คุณหล่อ ถิ่ ซิงห์ผู้บรรยายของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เดียนเบียนฟูเปิดเผยว่า “ นี่คือรถถังคันหนึ่งในจำนวน ๒ คันที่กองทัพฝรั่งเศสใช้รบตอบโต้กองทัพเวียดนาม รถคันนี้ถูกหน่วยทหารที่ ๖๐๐ ของนายลิว เวียด หิว ยิงปืนบาซูกาใส่จนไฟไหม้และเราสามารถทำลายรถถังดังกล่าวได้เมื่อเวลาเช้าตรู่วันที่ ๑ เมษายนค.ศ.๑๙๕๔ ติดกับรถถังคือสุสานหมู่ของทหาร ๔ นายที่เสียชีวิตในขณะทำลายรถถัง ”
การยึดที่มั่นเอ-๑ที่แข็งแกร่งที่สุดของฐานที่มั่นเดียน เบียน ฟู กองทัพของนายพล หวอ เงวียน ย้าปได้ปฏิบัติยุทธวิธีที่ฉลาดและกล้าหาญคือการขุดอุโมงใต้ดินแล้วใช้ระเบิดจำนวนมากทำลสบอุโมงบัญชาการของที่มั่นเอ-๑ คุณหล่อ ถิ่ ซิงห์เล่าต่อไปว่า “ ทหาร ๒๕ นายรับหน้าที่ขุดอุโมง เมื่อขุดลึกเข้าไปก็ขาดลมหายใจดังนั้นคนเข้าทีหลังต้องพัดลมเข้าไปให้คนที่เข้าก่อน ส่วนดินขุดนั้นใส่ถุงขนออกจากอุโมงเพื่อถมหลุมเพลาะ ภายในเวลา ๑๕ วันสามารถขุดอุโมงยาว ๔๗ เมตรเสร็จ เวลา ๒๐.๓๐น วันที่ ๖พฤษภาคมค.ศ.๑๙๕๔ ทหารได้รับคำสั่งจุดชนวนระเบิดหนัก ๑ ตัน เสียงระเบิดทำให้เนินลูกนี้สั่นสะเทือน สามารถปราบข้าศึกในพื้นที่ได้ ๑ หน่วย ทำให้ศัตรูที่อยู่ในอุโมงบัญชาการหวาดผวาเสียขวัญ โดยรู้จักใช้โอกาสดังกล่าว ทหารของเรายึดที่มั่นเอ-๑ได้สำเร็จ ปราบข้าศึกได้ ๘๕๐ คนและขจัดข้าศึกที่เป็น หน่วยทหารชาญศึกของฝรั่งเศส๔หน่วยออกจากแนวรบได้สำเร็จ ”
ปัจจุบัน ที่นี่ยังหลงเหลือร่องรอยการรบอย่างดุเดือดที่สุดระหว่างกองทัพฝรั่งเศสกับกองทัพเวียดนามไม่ว่าจะเป็นหลุมระเบิดลึก ๑๓ เมตร กว้าง ๑๘ เมตรป้ายติดกับหลุมบอกเล่าเกี่ยวกับสนามรบระหว่างกองทัพฝรั่งเศสกับกองทัพเวียดนามก่อนหน้านี้ ๖๐ ปี อุโมงที่เป็นสำนักงานบัญชาการเนินเอ-๑ที่สีตกเป็นสีเทาตามกาลเวลา หลุมเพลาะ ๔,๐๐๐ เมตร ระบบรั้วลวดหนามและป้อมค่าย ๑๐ แห่งจากทั้งหมด ๓๗ แห่งและร่องรอยอื่นๆอีกมากมายบนเนินเอ-๑ ยังคงเล่าเรื่องช่วงเวลารบ๕๖ วัน ๕๖ คืนที่ยากลำบากที่สุด โดยต้องขุดภูเขา นอนในอุโมงต้องตากฝนทานข้าวโดนน้ำฝนเพื่อสร้างชัยชนะเดียน เบียน ฟูแห่งประวัติศาสตร์ทองของประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น